ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์เพื่อรักษาโรคประจำตัว ควบคู่ไปกับการทานวิตามินหรืออาหารเสริมเพื่อบำรุงร่างกาย
ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ทราบหรือไม่ว่า... ยาที่คุณทานอยู่บางชนิด อาจไม่ถูกกันกับวิตามินหรืออาหารเสริมที่คุณคิดว่าดี ซึ่งหากทานคู่กันไป อาจทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ เกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด หรือแม้แต่เป็นอันตรายได้
ทำไมยาบางชนิดถึงทานคู่กับวิตามินไม่ได้?
กลไกการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาและวิตามินมีหลายแบบ ที่พบได้บ่อยๆ คือ:
- แย่งกันดูดซึม: ยาและวิตามินบางชนิดอาจถูกดูดซึมในลำไส้โดยใช้ช่องทางเดียวกัน ทำให้ปริมาณยาหรือวิตามินที่เข้าสู่ร่างกายลดลง
- ส่งผลต่อการทำงานของยา: วิตามินบางชนิดอาจไปเร่งหรือชะลอการทำงานของเอนไซม์ในตับที่ทำหน้าที่กำจัดยาออกจากร่างกาย ทำให้ระดับยาในเลือดสูงหรือต่ำเกินไป
- มีฤทธิ์ตรงข้ามกัน: ยาและวิตามินบางชนิดอาจมีผลต่อร่างกายในทิศทางตรงกันข้าม ทำให้ยาที่ทานไปไม่ได้ผลตามที่ต้องการ
ตัวอย่างคู่หูยา-วิตามิน/อาหารเสริม ที่ควรระวัง:
- ยาละลายลิ่มเลือด (เช่น Warfarin) กับ วิตามินเค: ยา Warfarin ทำงานโดยยับยั้งการแข็งตัวของเลือด แต่วิตามินเคมีส่วนสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด การทานวิตามินเคปริมาณมากอาจทำให้ยา Warfarin ออกฤทธิ์ได้น้อยลง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด (เช่น Tetracycline, Ciprofloxacin) กับ แคลเซียม เหล็ก หรือยาลดกรดที่มีอะลูมิเนียม/แมกนีเซียม: แร่ธาตุเหล่านี้สามารถจับกับยาปฏิชีวนะในทางเดินอาหาร ทำให้ยาไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกายและหมดประสิทธิภาพลง หากจำเป็นต้องทาน ควรเว้นระยะห่างจากการทานยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
- ฮอร์โมนไทรอยด์ (Levothyroxine) กับ แคลเซียม หรือ ธาตุเหล็ก: เช่นเดียวกับยาปฏิชีวนะ แคลเซียมและธาตุเหล็กสามารถลดการดูดซึมฮอร์โมนไทรอยด์ได้ ควรเว้นระยะห่างในการทาน
- ยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง/โรคหัวใจ กับ โพแทสเซียมเสริม: หากผู้ป่วยที่ทานยาขับปัสสาวะบางชนิด หรือยารักษาโรคหัวใจบางตัว แล้วเสริมโพแทสเซียมเข้าไปอีก อาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินไป ซึ่งเป็นอันตรายได้
- ยาต้านเศร้าบางชนิด กับ สมุนไพร St. John's Wort: สมุนไพรชนิดนี้อาจเพิ่มระดับสารสื่อประสาทบางชนิดในสมอง ทำให้เสริมฤทธิ์กับยาต้านเศร้ามากเกินไป จนอาจเกิดอาการข้างเคียงรุนแรงที่เรียกว่า Serotonin Syndrome
คำแนะนำง่ายๆ เพื่อความปลอดภัย:
สิ่งสำคัญที่สุดคือ แจ้งข้อมูลสุขภาพทั้งหมดให้กับแพทย์ เภสัชกร หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่คุณไปรับคำปรึกษา
- บอกชื่อยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อเอง วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ ที่คุณกำลังทานอยู่ทั้งหมด อย่างละเอียด
- หากจะเริ่มทานวิตามินหรืออาหารเสริมตัวใหม่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอว่าปลอดภัยหรือไม่ที่จะทานร่วมกับยาที่คุณทานอยู่
- อ่านฉลากยาและฉลากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างละเอียด
- หากมีอาการผิดปกติใดๆ หลังเริ่มทานยาหรืออาหารเสริมตัวใหม่ ควรแจ้งแพทย์ทันที
การดูแลสุขภาพที่ดีไม่ใช่แค่การทานยาหรือวิตามิน แต่รวมถึงความใส่ใจในการเลือกและใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรักษา และหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทานยาและวิตามินที่ไม่ถูกกัน.


